xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ” จะกลับบ้าน !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา



เรียกว่าโผล่หน้าออกมาให้เห็นแทบทุกสัปดาห์ สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีทุจริตในต่างประเทศ ล่าสุด ก็ได้โผล่มาใน “คลับเฮาส์” สื่อสารโดยการใช้สื่อโซเชียลของ “กลุ่มแคร์” ที่เป็นกลุ่มการเมืองในเครือข่าย ที่เป็น “ลูกน้องเก่า” มาตั้งแต่ยุคก่อตั้งพรรคไทยรักไทย

ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร มักจะเคลื่อนไหวในลักษณะ “โฉบไปโฉบมา” โผล่ออกมาเป็นครั้งคราว และมักจะเลือกจังหวะเวลาในช่วงที่รัฐบาล โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังถูกโจมตี หรือมีข้อผิดพลาดทางการเมือง ก็จะเป็นจังหวะที่เขาจะต้องออกมาเคลื่อนไหวในทันที ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ หลายเรื่องราว
บางครั้งมาในลักษณะ “โชว์เหนือ” เช่น ครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานช่วงที่ “วัคซีนไม่มาตามนัด” นายทักษิณ ก็ “โชว์พาว” ข่ม อ้างในทำนองว่าตัวเอง “ซี้” กับ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เจรจาขอซื้อวัคซีน “สปุตนิก-วี” ให้ แต่เชื่อหรือไม่ว่าหากวันนั้นคำพูดของเขาเป็นจริง ตอนนี้ก็คงมีปัญหาโดนด่าเปิดเปิงอีก เพราะปัจจุบันวัคซีนชนิดนี้ของรัสเซีย ยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกแต่อย่างใด จนตอนหลังก็เงียบเสียงไป
แต่ครั้งล่าสุดที่ออกมาคราวนี้ก็มาได้จังหวะอีกครั้ง โดยเฉพาะยังเป็นเรื่อง “วัคซีน” และการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในรอบที่ 3 ที่หนักหน่วงรุนแรงกว่าครั้งก่อน มีทั้งผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต มากกกว่าทุกครั้ง และรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนัก และแน่นอนว่า ในจำนวนนั้นส่วนใหญ่จะมาจากการ “ผสมโรง” ของ “กลุ่มเก่า” ที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่ามีกลุ่มไหน และพรรคการเมืองพรรคไหนบ้าง คนพวกนี้ก็จะฉวยจังหวะ “ราดน้ำมัน” ลงไปในกองไฟ เพิ่มความร้อนแรงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ยอมให้โอกาสผ่านไป โผล่มา “ขออำนาจ” เพื่อไปเจรจาจัดหาวัคซีนมาให้ ซึ่งก็มาในรูปแบบเดิมคือ “โชว์พาว” ให้ดูเหนือกว่า ทำนองว่า ในเมื่อรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี “ไม่มีปัญญา” ในการจัดหาวัคซีนมาให้กับประชาชนได้อย่างเพียงพอ หรือ ล่าช้า ไม่ทันการณ์ ซึ่งในทางตรงกันข้ามพยายามจะแสดงให้เห็นว่า หากเป็นเขาจะทำได้ดีกว่า อะไรประมาณนั้น อีกทั้งพยายามชี้ให้เห็นโดยต้องการสื่อไปถึงประชาชนว่า “ถ้ามอบอำนาจให้เขาไปจัดหาวัคซีนก็จะสำเร็จ” ซึ่งก็ไม่ต่างจากการ “ตีกิน” แบบไม่ต้องลงทุนอะไร
ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นมัน “เป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด” เพราะ นายทักษิณ ชินวัตร มีสถานะเป็น “นักโทษหนีคดี” มีหมายจับติดตัวหลายคดี อีกทั้งยังเป็น “คดีทุจริต” หากพูดภาษาชาวบ้าน ก็คือ “นักโทษหนีคดีโกง” นั่นแหละ หากใครมอบอำนาจให้คนแบบนี้ก็ถือว่า “บ้า” หรือ “เสียสติ” ไปแล้ว
นอกเหนือจากนี้ ในห้องสนทนาดังกล่าวทางโซเชียลฯ ที่ว่านี้ ยังมีคำถามเปิดช่องให้ นายทักษิณ ชินวัตร ด้วยการถามว่า “จะกลับไทยเมื่อไหร่” ซึ่งก็ได้คำตอบว่า “กลับแน่ แต่เมื่อไหร่นั้นขออุบไว้ก่อน” ซึ่งก็ได้ผลเรียกเสียงฮือฮา จากฝ่ายที่ชื่นชอบส่งเสียงเชียร์กันดังลั่น
อย่างไรก็ดี ต้องถามอีกสักคำถามหนึ่งว่า “เชื่อหรือว่า ทักษิณจะกลับมา” หรือ “ได้กลับมา” แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ยังเป็นคนไทยสามารถ “กลับไทยได้ตลอดเวลา” แต่ในเมื่อมีคดีติดตัว ที่ศาลพิพากษาความผิดแล้ว มีหมายจับหลายคดี เมื่อกลับมาถึงก่อนอื่นก็ต้อง “ติดคุก” ก่อน และนี่แหละคือสาเหตุที่ยังไม่กลับ และหลบหนีในต่างประเทศต่อไป
ที่ผ่านมา เขาก็เคย “เกือบ” จะได้กลับมา ในแบบที่เรียกว่า “มาแบบเท่ๆ” ในช่วงที่พรรคเพื่อไทย พยายาม “ลักหลับ” ออก “กฎหมายนิรโทษกรรม” ให้เขามาแล้ว แต่ถูกชาวบ้านเป็นล้านๆ ออกมาต่อต้าน
สำหรับคำพูดที่บอกว่า “จะกลับบ้าน” นั้น เชื่อได้หรือไม่ เพราะหากย้อนกลับไปในช่วง “พีก” ที่สุดที่กำลังมี “ม็อบคนเสื้อแดง” ออกมาชุมนุม มีมวลชนจำนวนไม่น้อย และสร้างความสั่นสะเทือนให้กับรัฐบาลในขณะนั้น และคงทำให้ นายทักษิณ เชื่อมั่นว่าจะทำได้สำเร็จ ถึงกับปลุกระดมมาจากนอกประเทศมีคำพูดสำคัญที่หลายคนยังจำได้คือ “ถ้าเมื่อไหร่ เสียงปืนแตก ทหารยิงประชาชน ผมจะเข้าไปนำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพทันที” นั่นเป็นคำพูดเมื่อ 30 มีนาคม 2552 มาจนถึงวันนี้ กว่า 11 ปีแล้ว ก็ยังเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศ ที่เห็นมีแต่คนเสื้อแดงที่ ตาย ติดคุก แทนขาทั้งนั้น

ขณะที่คนในครอบครัวชินวัตร มีแต่หลบหนีเอาตัวรอด หรือไม่ก็ยังคอยยุแยงสร้างความปั่นป่วนอยู่ต่อไป
หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ที่ นายทักษิณ ชินวัตร จะกลับไทยตามวาระปกติถือว่า “เป็นศูนย์” นั่นคือ เป็นไม่ได้เลย นอกเสียจากมีการออกกฎหมาย “นิรโทษกรรม” ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นเดียวกัน เพราะจะต้องเจอกับแรงต่อต้านมหาศาลเช่นเดิม
ดังนั้น หากพิจารณาจากคำพูดในลักษณะดังกล่าวของ นายทักษิณ ชินวัตร น่าจะเป็นเจตนาต้องการ “ปลุก” บรรดาสาวกให้ลุกขึ้นสู้กันต่อไป เพราะในช่วงหลังทุกอย่างถดถอยลงไปมาก พรรคเพื่อไทยมีความแตกแยก “เลือดไหล” ไม่หยุด ซึ่งการบอกว่าจะ “กลับไทย” มันก็เหมือนปลุกขวัญ รั้งผู้สนับสนุนอย่าทิ้งกัน อย่างน้อยก็มีความหวังหากการเลือกตั้งใหม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งสองใบได้สำเร็จ
แต่นั่นเป็นเรื่องอนาคต ว่าจะ “เอาอยู่” หรือไม่ เพราะตอนนี้ทั้งพรรคและมวลชนไม่ต่างจากผึ้งแตกรัง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น